เกี่ยวกับ Sonepar Thailand

Sonepar Thailand เริ่มต้นการเดินทางในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 ภายใต้ชื่อแบรนด์ DEP Engineering โดยให้บริการผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าหลากหลายประเภท อาทิ สวิตช์เกียร์ ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า สายไฟ และโคมไฟส่องสว่าง ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 DEP Engineering ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Sonepar เพื่อพัฒนาธุรกิจต่อเนื่อง พร้อมรับถ่ายทอดองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมนี้ ความร่วมมือในครั้งนั้นทำให้เราก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในบริษัทจัดจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย

ในปี พ.ศ. 2557 ETS-Oakwell ผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์และโซลูชันไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ ซึ่งก่อตั้งในปี พ.ศ. 2544 ได้เข้าร่วมกับ Sonepar และนำความชำนาญเฉพาะทางในอุตสาหกรรมที่มีความซับซ้อนนี้มาเสริมศักยภาพเพิ่มเติม และในปี พ.ศ. 2563 Cable Solutions (Thailand) ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายสายไฟเฉพาะทางสำหรับโครงการที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรม และอุตสาหกรรม ได้รวมพลังกับทั้งสองบริษัทเดิม ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ว่า Sonepar Thailand

ปัจจุบัน เรามุ่งมั่นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย เราจึงจัดโครงสร้างธุรกิจออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มธุรกิจจัดจำหน่ายไฟฟ้า, กลุ่มธุรกิจโครงการ, และ กลุ่มธุรกิจน้ำมันและก๊าซ

เรานำจุดแข็งจากเครือข่ายระดับโลก ผสานกับความยืดหยุ่นในระดับท้องถิ่น และค่านิยมแบบครอบครัว เพื่อมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าและพันธมิตรของเรา ในขณะที่เราส่งเสริมการพัฒนาและประสิทธิภาพของทีมงาน Sonepar ยังคงยึดมั่นในโครงสร้างการบริหารแบบกระจายอำนาจ ที่ส่งเสริมจิตวิญญาณผู้ประกอบการและการทำงานร่วมกันในทุกระดับ พร้อมรักษาสมดุลระหว่างการริเริ่มในท้องถิ่นและนโยบายระดับกลุ่ม

เราตั้งเป้าที่จะเป็น “La Référence” หรือแบบอย่างแห่งมาตรฐานในอุตสาหกรรมนี้
เราคือ Sonepar Thailand – ขับเคลื่อนด้วยความแตกต่าง (Powered by Difference)

"มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยลูกค้า ที่ผ่านมา Sonepar ให้ความสำคัญกับกระบวนการขายและความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์เป็นหลัก แต่ในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับ ประสบการณ์ของลูกค้าในทุกมิติ มากยิ่งขึ้น ด้วยแนวทางการตลาดเชิงกลยุทธ์ เพื่อเข้าใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดระหว่างฝ่ายการขายและการตลาดจะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งนี่คือความท้าทายทางวัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดของเราในอนาคต"

สุโรจน์ พนาสหธรรม

Country Managing Director